วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ข้อมูลเกี่ยวกับบัวหิมะธิเบต(คีเฟอร์) โดยละเอียด



นมบัวหิมะธิเบต  (Kefir grains) คืออะไร ? 
หลาย คนอาจเข้าใจว่าคีเฟอร์เป็นพืชหรือเห็ด แท้จริงแล้ว ภายในเม็ดคีเฟอร์ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ 2 ชนิด ได้แก่ ยีสต์ Saccharomyces exiguus หรือ S. kefir และแบคทีเรียแลคติค (lactic acid bacteria) ที่อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน (symbiosis) และยึดเกาะกันด้วยสารที่มีลักษณะเป็นเมือกเหนียวประเภทพอลีแซคคาไรด์จนเกิด การก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างคล้ายดอกกะหล่ำ มีสีขาวจนถึงเหลืองอ่อน ขนาดเท่าผลวอลนัทและเล็กได้จนเท่ากับเมล็ดข้าว คีเฟอร์จะมีกลิ่นอ่อนๆ ของยีสต์หรือกลิ่นคล้ายเบียร์ การหมักแลคโทสโดยแบคทีเรียแลคติคจะทำให้เกิดรสเปรี้ยว (กรดแลคติค) ส่วนการหมักโดยยีสต์จะทำให้มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแอลกอฮอล์เกิดขึ้นเล็ก น้อย (ประมาณ 1-2%ขึ้นกับระยะเวลาของการบ่มและอาหารที่ใช้เพาะเลี้ยง)





 ลักษณะของคีเฟอร์ใกล้เคียงกับโยเกิร์ตแต่ คีเฟอร์จะมีกลิ่นที่แรงกว่าเล็กน้อย โดยทั่วไปนิยมเลี้ยงเม็ดคีเฟอร์ในน้ำนม ซึ่งอาจเป็นนมวัว นมแพะ นมแกะ หรือนมอูฐเพราะมีสารอาหารที่เหมาะสมทำให้เม็ดคีเฟอร์เจริญได้ดี แต่บางครั้งอาจเพาะเลี้ยงในน้ำนมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว น้ำกะทิ น้ำผลไม้ หรือน้ำมะพร้าว เม็ดคีเฟอร์ที่เลี้ยงในน้ำผสมน้ำตาลจะเรียกว่า “คีเฟอร์น้ำ (Water kefir)”สำหรับชาวไทยจะคุ้นเคยและรู้จักคีเฟอร์กันดีในชื่อของบัวหิมะธิเบต สามารถเพาะเลี้ยงได้เองตามบ้าน โดยอาจทำในภาชนะแก้วหรือพลาสติก โดยการถ่ายเม็ดคีเฟอร์ที่ได้มาลงในน้ำนม ตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 18-24ชั่วโมง 




จากนั้นนำมากรองแล้วดื่ม มีความเชื่อกันว่าลักษณะของคีเฟอร์ที่สมบูรณ์จะบ่งบอกถึงสุขภาพของผู้เลี้ยง และต้นเชื้อคีเฟอร์จะต้องได้มาจากการแบ่งปันเท่านั้น ห้ามซื้อขาย ทำให้การผลิตและบริโภคคีเฟอร์ในประเทศไทยยังคงไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เพราะอาศัยการแบ่งปันกันเฉพาะในแวดวงของคนที่รู้จักกัน นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าห้ามไม่ให้คีเฟอร์สัมผัสโดนภาชนะโลหะ แต่ความจริงคือในระหว่างการหมักจะเกิดกรดซึ่งอาจมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนโลหะ ออกมาปะปนกับน้ำคีเฟอร์ที่เราจะใช้ดื่ม จึงอาจก่อให้เกิดอันตรายได้





ภาพขั้นตอนการเปลี่ยนน้ำนมบัวหิมะธิเบต

นมบัวหิมะธิเบต สรรพคุณ

ใน คีเฟอร์อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ทริปโตเฟน (Tryptophan) แคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส มีวิตามิน A, B1, B12, C และวิตามิน K เม็ดคีเฟอร์ประกอบด้วยสารโพลีแซคคาไรด์ที่สามารถละลายน้ำได้ที่มีชื่อว่า kefiran ซึ่งเป็นส่วนที่มีผิวสัมผัสคล้ายวุ้นในปาก kefiran ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โดยมีการศึกษาพบว่าช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในซีรัมของหนู แบคทีเรียที่สร้าง kefiranได้คือ Lactobacillus delbrueckii subsp. bulgaricus หรือ L. kefir คีเฟอร์ที่บ่มนานๆ จะทำให้มีรสเปรี้ยวและทำให้ปริมาณกรดโฟลิค (vitamin B9) เพิ่มขึ้น 

รูปนี้แอบน่ากลัวเบาๆมันคือ คีเฟอร์ยอมสรแล้วผ่าครึ่ง เพื่อให้เห็นภายในชัดเจน


ข้อมูลจาก http://yaamata.blogspot.com/2011/10/blog-post_17.html?showComment=1440895348949&m=1

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประสบการณ์ส่วนตัวกับบัวหิมะธิเบต(Kefir)



ไม่กี่วันที่ผ่านมา บัวหิมะธิเบตชุดใหม่ก็มาพร้อมกับบุรุษไปรษณีย์ ถามว่าผมเพิ่งจะเคยสั่งซื้อบัวหิมะธิเบตมาครั้งแรกรึเปล่า? เปล่าเลย ผมสั่งมาเป็นครั้งที่สามหรือสี่แล้ว 

เกิดอะไรขึ้นกับบัวหิมะธิเบตชุดก่อนหน้าน่ะเหรอ เดี๋ยวค่อยเล่า







เรามาทำความรู้จักบัวหิมะธิเบตหรือคีเฟอร์กันอย่างคร่าวๆก่อนคือ บัวหิมะธิเบต คือ สิ่งมีชีวิตประเภทแบคทีเลียหลายๆชนิดเกาะกลุ่มรวมกันด้วยโพลิแซ็คคาไรด์ตามธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์จากแบคทีเลียเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ แบ่งเป็นสองประเภทตามอาหารของมัน คือ บัวหิมะน้ำ-เลี้ยงด้วยน้ำผสมน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลกรวดสีอำพัน และ บัวหิมะนม-เลี้ยงด้วยน้ำนมสัตว์หรือน้ำนมพืชก็ได้ มีรูปร่างเป็นก้อนขยุกขยิก คนละอันกันกับหัวบัวหิมะที่นำมารับประทานหรือบัวหิมะที่นำมาทำครีมเย็นๆนั่น เดียวบทความหน้าจะรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดมาให้นะครับ



หลังจากที่เลี้ยง บัวหิมะนมจะทำให้น้ำนมเป็นโยเกิร์ต ส่วนบัวหิมะน้ำจะทำให้น้ำตาลเป็นกรดชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมียีสต์เป็นส่วนประกอบในเมล็ดบัวหิมะธิเบต จึงทำให้จะเกิดแอลกอฮอลล์เล็กน้อยในผลิตภัณฑ์ แต่ก็มีวิธีกำจัดแอลกอฮอลล์ออกแต่จะบอกในบทความหลังเพราะมันต้องทำบางอย่างก่อน โยเกิร์ตจากบัวนมกินเวลาไหนก็ได้แต่ไม่ควรเกินวันละ 2 แก้ว ผู้เขียนจะกินตอนเช้าก่อนอาหาร ส่วนน้ำจากบัวหิมมะน้ำสามารถกินได้ตลอดทั้งวัน ทำเยอะๆแช่ไว้กินแทนน้ำเปล่าก็ได้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าในผลิตภัณฑ์ของบัวหมะมีความเป็นกรดจึงไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพราะและลำไส้



ผลจากการทานผลิตภัณฑ์จากบัวหิมะธิเบตในเบื้องต้น คือกินแล้วรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยปวดเมื่อยเวลาทำงานหนัก และผายลมไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่ป่วยง่าย




แต่ส่วนใหญ่กระผมจะเป็นคนชอบทดลองคับ และนี่คือสาเหตุที่ทำให้บัวหิมะชุดก่อนหน้านี้ตายจากไป คือ ชุดแรกนี่ตายเพราะความร้อน เพราะผมอยากเร่งการสร้างผลิตภัณฑ์ของคีเฟอร์ จึงอุ่นนมและน้ำผสมน้ำตาลทิ้งไว้นานจนมันเดือด แต่มัวคุยเพลินๆเทใส่บัวหิมะทั้งเดือดๆอย่างงั้นเลย โดยลืมไปว่าต้องทิ้งไว้ก่อน บัวหิมะจึงตายจากไป ต่อมากระผมอยากจะชะลอการสร้างผลิตภัณฑ์ของบัวหิมะธิเบตโดยการใส่ตู้เย็น แต่ตู้เย็นนั้นต้องเป็นตู้เย็นบ้านที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำมาก แต่ผมไม่รู้ เอาไปแช่ในตู้แช่เครื่องดื่มร้านค้า ซึ่งมีอุณภูมิต่ำ 1-4 องศา บัวหิมะจึงเดี้ยงสนิท สำหรับบัวชุดนี้กระผมทะนุถนอมประคบประหงมอย่างดี และปวารณาว่า จะเลี้ยงแบบปกติชนคนทั่วไป จะไม่คิดพิศดาร อะไรอีก 55555

สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุข หล่อ สวย รวย ฉลาด สมปรารถนากันทุกคนเลยนะคับ

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

จุดเริ่มต้นของบล็อกบ้านเพียงตะวันธรรม

สวัสดีครับ กระผมชื่อ นายต่อ เป็นเจ้าของบล็อกนี้ ขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ๆน้องๆชาวบล็อกเกอร์ทุกคนด้วยนะครับ ยังไงผมก็เพิ่งเริ่มเข้ามาเขียน การใช้ภาษาและการเรียบเรียงอาจจะไม่ถูกต้องนัก ก็ต้องขออภัยไว้ก่อนล่วงหน้าเลยนะครับ




พูดถึงชื่อ บ้านเพียงตะวันธรรม...

บ้านเพียงตะวันธรรมไม่ใช่สถานที่มีอยู่จริง แต่เป็นชื่อที่ตั้งตามจุดประสงค์
ที่อยากจะนำเสนอหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยเน้นที่ปรัชญาการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก

พร้อมทั้งยังอยากจะเสนอคำสอนและธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากวัดพระธรรมกายด้วย

จึงผุดชื่ออย่างง่ายๆขึ้นมาคือ "เพียงตะวันธรรม"

เพียง = มาจากคำว่าพอเพียง

ตะวันธรรม = มาจากพุทธศาสนสุภาษิตว่า "นัตถิ ปัญญา สะมาอาภา" แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี
และปัญญาใดเสมอด้วยปัญญาแห่งการพ้นทุกข์ไม่มี ดังนั้น หากจะอุปมาแบบปุถุชน
ผู้ยังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏนี้แล้ว แสงสว่างเสมอดวงตะวันก็ไม่มีเช่นกัน
ฉะนี้แล้ว ตะวัน จึงมีความหมายแสดงถึง ปัญญาแห่งการพ้นทุกข์
วัดพระธรรมกายให้ความรู้มากมาย เมื่อไตร่ตรองแล้วจึงเกิดปัญญาพ้นทุกข์




เป้าหมาย คือ นำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมุ่งเน้นปรัชญาการพึ่งพาตนเอง
เช่น การประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ การประกอบอาหาร การทำยารักษาโรค ยาสมุนไพร
น้ำหมักเพื่อสุขภาพ และDIYต่างๆนาๆที่ทำแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
และถ่ายทอดธรรมะจากหลวงพ่อธัมมชโยที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ใน
ชีวิตประจำวัน




ก็ขอฝากทุกท่านติดตามอ่านบทความ ที่ดี มีสาระ กันด้วยนะคับ
ผู้เขียนหวังอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านจะได้รับประโยชน์ที่จะได้นำไปใช้
ในชีวิตประจำวันไม่มากก็น้อย ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ